เนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2559 สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ จึงขอสรุปทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 จากเอกสาร เรื่อง “ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12” และเอกสารประกอบการประชุมประจำปี 2558 ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนี้
1. กรอบแนวคิดและหลักการ
ในช่วงของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ประเทศไทยจะ ยังคงประสบสภาวะแวดล้อมและบริบทของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ อาทิ กระแสการเปิดเศรษฐกิจเสรี ความท้าทายของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง ประกอบกับสภาวการณ์ด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันที่ยังคงประสบปัญหาในหลายด้าน เช่น ปัญหาผลิตภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้้าทางสังคม เป็นต้น ท้าให้การพัฒนาในช่วง แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงจ้าเป็นต้องยึดกรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่ส้าคัญ ดังนี้ (1) การน้อม น้าและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม (3) การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดการปฏิรูปประเทศ และ (4) การพัฒนาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สังคมอยู่ ร่วมกันอย่างมีความสุข
ในช่วงของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ประเทศไทยจะ ยังคงประสบสภาวะแวดล้อมและบริบทของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ อาทิ กระแสการเปิดเศรษฐกิจเสรี ความท้าทายของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง ประกอบกับสภาวการณ์ด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันที่ยังคงประสบปัญหาในหลายด้าน เช่น ปัญหาผลิตภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้้าทางสังคม เป็นต้น ท้าให้การพัฒนาในช่วง แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงจ้าเป็นต้องยึดกรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่ส้าคัญ ดังนี้ (1) การน้อม น้าและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม (3) การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดการปฏิรูปประเทศ และ (4) การพัฒนาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สังคมอยู่ ร่วมกันอย่างมีความสุข
2.1 ด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ ได้รับการยกระดับดีขึ้นจากการผนึกก้าลังของหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม และ เชื่อมโยงให้เกิดความมั่นใจของภาคธุรกิจเอกชน แต่ยังคงอยู่ในระดับต่้าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่มี รายได้สูง โดยในปี 2557 อันดับความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่ที่ 47 และด้าน เทคโนโลยีที่ 44 จาก 61 ประเทศที่จัดอันดับโดย IMD ลดลงเมื่อเทียบกับอันดับที่ 37 และ 43 ตามล้าดับในปี 2551 และตลอดช่วงระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา (2543-2556) ค่าเฉลี่ยการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่อ GDP ยังคงอยู่ในระดับร้อยละ 0.27 ต่อ GDP โดยในปี 2556 (ข้อมูลล่าสุด) ประเทศไทยมีการลงทุนด้านการ วิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.48 ต่อ GDP โดยเป็นการลงทุนวิจัยและพัฒนาจากภาครัฐประมาณร้อย ละ 53 และจากภาคเอกชนประมาณร้อยละ 47 ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย มีค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ร้อยละ 4.03, 3.35 , 2.79, และ 2.27 ต่อ GDP ในปี 2555 ตามลำาดับดั่งนี้
2.2 ด้านสังคม การพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัยและการปฏิรูประบบเพื่อสร้างสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ การพัฒนาศักยภาพคนในทุกช่วงวัยให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศ การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง การพัฒนาด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ
2.2.1 การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยยกระดับรายได้และสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ การจัดบริการทางสังคมให้ทุกคนตามสิทธิขั้นพื้นฐาน สร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงทรัพยากร การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค
2.2.2 การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การรักษาทุนทางธรรมชาติเพื่อการเติบโตสีเขียวใช้ประโยชน์จากทุนธรรมชาติโดยคำนึงถึงขีดจำกัดและศักยภาพการฟื้นตัวปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างระบบหมุนเวียนวัสดุที่ใช้แล้ว ที่มีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนสู่ Zero Waste Society การส่งเสริมการผลิต การลงทุน และการสร้างงานสีเขียว การจัดการมลพิษและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศและการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ
3. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3.1ทรัพยากรธรรมชาติส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาจ านวนมาก ก่อให้เกิด ความเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่องและเกิดปัญหาความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น อาทิเช่น การสงวนป่าไม้ ลดการรุกรานป่าไม้ การใช้ทัพยากรน้ำอย่างประหยัด การปลูกป่าปลูกต้นไม้ตามป่าชายเลน การเพาะเลี้ยงชายฝั่ง โดยเฉพาะการท้านากุ้ง
4.การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ
การสร้างความโปร่งใส การพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้มีความเป็นมืออาชีพและเพียงพอ เพื่อให้ระบบราชการเล็กแต่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง การพัฒนา อปท.ให้สามารถรับมือการเปลี่ยนแปลง การสร้างระบบตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตาม ประเมินผลโครงการที่ใช้จ่ายงบประมาณมากและมีผลกระทบในวงกว้าง
คำถามท้ายเรื่อง
1. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 จะสิ้นสุดลงในเดือนอะไรปีอะไร
ตอบ = กันยายน 2559
2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 จะเริ่มใช้เมื่อ พ.ศ ใด
ตอบ = พ.ศ. 2560-2564
3.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ด้านสังคมมีอะไรบ้างจงยกตัวอย่าง
ตอบ = ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
4.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ ประโชยน์อย่างไรบ้างจงยกตัวอย่าง
ตอบ = การปลูกต้นไม้ เพื่อลดโลกร้อน การเพาะเลี้ยงชายฝั่งป่าชายเลน เป็นต้น
5.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 มีผลดีอย่างไร
ตอบ = เป็นแผนการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นซึ้งจะมีการพัฒนาทางด้านต่างๆให้ดีขึ้นไม่กว่าจะเป็นทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา
แหล่งอ้างอิง
1.http://www.sukhothai.go.th/mainredcross/7I.pdf
2. http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635090
3. http://www.thaitextile.org/index.php/blog/2015/12/thti28
4.http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000140032
5.http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635090
มีสาระมาก
ตอบลบสุดยอดครับความรู้ดีครับ
ตอบลบสุดยอดมากๆ
ตอบลบความรู้แน่นมากๆเลยคับ
ตอบลบสวย ครบ
ตอบลบอั้ยย้ะ สุดยยอด ครับ
ตอบลบสุดยอดครับ
ตอบลบเยี่ยมเลย
ตอบลบเยี่นยม
ตอบลบ